พีดีเฮ้าส์” โชว์ยอดขาย 9 เดือน 900 ล้าน Q4 เปิดสาขาต่างจังหวัด ดันยอดขายพันล้าน

พีดีเฮ้าส์ ฟุ้งชิงแชร์ตลาด กทม.-ปริมณฑลเพิ่ม หนุนยอดขาย 9 เดือนทะลุ 900 ล้านบาท หวั่นพิษน้ำท่วมต้นทุนวัสดุพุ่ง ฉุดกำลังซื้อชะลอตัว ปรับแผนจับมือแบรนด์วัสดุชั้นนำ ตอกย้ำจุดขายบ้านประหยัดพลังงาน บ้านสุขภาพ Q4/65 ลุยเปิดสาขาพระนครศรีอยุธยา มั่นใจสิ้นปียอดขายทุกสาขาทะลุ 1,200 ล้านบาท

นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมดีไซน์ดีเวลลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านแข่งขันกันสูงมาก สวนทางกับกำลังซื้อผู้บริโภคที่ฟื้นตัวแบบช้า ในขณะที่ต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างและค่าแรงปรับตัวสูงขึ้นมาก จึงทำให้บริษัทฯ ต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อสามารถรับมือกับต้นทุนเว็บหวยออนไลน์ เชื่อถือได้ที่ผันผวนและสถานการณ์แข่งขันที่เกิดขึ้นทั้งด้านการบริหารจัดการกระบวนการก่อสร้าง และการบริการลูกค้าที่ครบวงจร สามารถตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้เป็นที่พอใจมากที่สุด ภายใต้แนวคิดบ้านอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลให้ยอดขายบ้านในระยะ 9 เดือนที่ผ่านมายังคงเติบโตต่อเนื่อง หรือมียอดขายรวมกว่า 900 ล้านบาท

โดยลูกค้าสร้างบ้านในกลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทได้รับความนิยมสูงสุด หรือคิดเป็น 53% รองลงมาเป็นบ้านในกลุ่มราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป 10 ล้านบาทคิดเป็น 32% และบ้านในกลุ่มราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปอีก 15% ทั้งนี้ลูกค้าที่ใช้บริการสร้างบ้านส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักธุรกิจในพื้นที่ แพทย์ พยาบาล ข้าราชการ รวมถึงชาวต่างชาติและคนไทยในต่างประเทศที่ต้องการกลับมาสร้างบ้านและใช้ชีวิตหลังเกษียณในเมืองไทย

“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้พีดีเฮ้าส์มียอดขายเติบโตคือ จุดขายในเรื่องการสร้างบ้านประหยัดพลังงาน บ้านสุขภาพ และบ้านผู้สูงอายุ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่หันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล บริษัทฯ สามารถแชร์ส่วนแบ่งลูกค้าเป้าหมายจากตลาดได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยบ้านในกลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท กำลังซื้อและความต้องการกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง นอกจากนี้ การขยายสาขาในต่างจังหวัดนับเป็นจุดแข็งอีกข้อหนึ่งที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงและอำนวยความสะดวกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ล่าสุด ได้ทำการเปิดศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ สาขาพระนครศรีอยุธยา นับเป็นสาขาที่ 28 อีกหนึ่งแห่ง”

สำหรับไตรมาสสุดท้ายปี 2565 นี้ประเมินว่าความต้องการปลูกสร้างบ้านมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นกว่า ไตรมาสที่ผ่านมาด้วยประชาชนทั่วไปนิยมเลือกช่วงเวลาหลังสิ้นสุดฤดูฝนเริ่มการปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ สังเกตได้จากลูกค้าที่ชะลอการตัดสินใจก่อนหน้านี้เริ่มกลับมาเจรจากันใหม่และสรุปตกลงปลูกสร้างบ้าน อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่น่าเป็นกังวลในเรื่องภัยธรรมชาติหรือปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงการพาเหรดปรับราคาของวัสดุก่อสร้างซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาบ้านต้องปรับขึ้นอีก 5-7% และอาจกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคในอนาคต

น.ส.ถิรพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท พีดีเฮ้าส์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของสิทธิ และผู้บริหารมาตรฐานศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “พีดีเฮ้าส์ได้ศึกษาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มความสามารถในการจัดการงานภายในได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถรองรับปริมาณงานและลูกค้าในอนาคตได้มากกว่าเดิมเท่าตัว รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานช่วยเป็นฉนวนและลดอุณหภูมิ หรือลดการใช้พลังงานภายในบ้าน

นอกจากนี้ ยังติดตั้งอุปกรณ์ที่ช่วยดูแลสุขภาพของผู้อยู่อาศัยโดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 ระบายความชื้นและป้องกันการเกิดเชื้อรา โดยจับมือพันธมิตรวัสดุแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศในราคาที่สมเหตุสมผล อันเป็นการยกระดับคุณภาพการสร้างบ้านให้แตกต่างจากผู้ประกอบการรับสร้างบ้านทั่วไป โดยปีนี้คาดว่าจะสามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดรับสร้างบ้านได้เพิ่มมากขึ้น หรือมียอดขายรวมกันทุกสาขากว่า 1,200 ล้านบาท”